top of page

ศิลปะแห่งการเจรจา ฉบับ FBI จากคำว่า "ไม่" สู่คำว่า “ใช่”

รูปภาพนักเขียน: MindDoJo ThailandMindDoJo Thailand

การเจรจาต่อรองเป็นทักษะสำคัญที่ผู้นำทุกคนต้องมี แต่คุณเคยสงสัยไหมว่าเทคนิคที่ใช้เจรจากับผู้ก่อการร้ายสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในโลกธุรกิจได้อย่างไร? การบรรลุข้อตกลงมักถูกมองว่าเป็นการผลักดันให้อีกฝ่ายตอบ "ใช่" แต่เครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดและได้ผล อาจเป็นการตั้งคำถามที่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายตอบ "ไม่" ที่จะช่วยสร้างความไว้วางใจและนำไปสู่การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น


คริส วอส (Chris Voss) อดีตหัวหน้าผู้เจรจาต่อรองในคดีลักพาตัวของ FBI (FBI-trained negotiator) กล่าวว่า "การเจรจาให้ได้ผลไม่ใช่การทำให้คู่เจรจาพูดว่า "ใช่" แต่เป็นการทำให้พวกเขาพูดว่า "ไม่" (no-oriented questions)"

"ความเหนื่อยล้าจากการพูดว่า "ใช่" (yes-battered)" ซึ่งใช้เพื่ออธิบายสถานการณ์ที่คนถูกกดดันหรือชักจูงให้ตอบ "ใช่" ซ้ำๆ คนที่เป็น "Yes-battered" มักเคยผ่านประสบการณ์ถูกบังคับให้ตอบตกลง จนพวกเขาพยายามหลีกเลี่ยงการพูดคำว่า "ใช่" เพราะกลัวว่าจะถูกผูกมัดหรือตกหลุมพราง ทำให้เราสร้างเกราะป้องกันตัวเองและระมัดระวังมากขึ้นว่าจะพูดคำนี้กับใครและเมื่อไหร่ โดยทั่วไป การเจรจามักถูกมองว่าเป็นกระบวนการโน้มน้าวให้อีกฝ่ายตอบ “ใช่” อย่างไรก็ตาม วิธีนี้อาจทำให้อีกฝ่ายรู้สึกถูกบีบและเกิดการต่อต้าน


เทคนิคหนึ่งที่ วอส ใช้สอนในหลักสูตรการอบรมผู้นำและทีมเกี่ยวกับการปิดการขาย ให้กับผู้ประกอบการเดี่ยว (solopreneur) ที่ต้องรับผิดชอบปิดการขายเอง แต่เป็นคนที่มีแนวโน้มจะเห็นด้วยกับผู้อื่นสูง (agreeable) ที่จะไม่ "เร่งเร้า" แม้จะเป็นเพียงการกระตุ้นให้ลูกค้าทำในสิ่งที่พวกเขาตั้งใจจะทำอยู่แล้วก็ตาม สมมติว่า ผู้บริหารที่ต้องขายเอง กำลังเจรจากับลูกค้าเกี่ยวกับข้อเสนอใหม่ แทนที่จะถามว่า "ข้อเสนอนี้เหมาะกับคุณใช่ไหม?" ซึ่งอาจทำให้อีกฝ่ายรู้สึกถูกกดดัน ลองเปลี่ยนเป็น "ข้อเสนอนี้มีอะไรที่ไม่ตรงกับความต้องการของคุณหรือไม่?" วิธีนี้จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกสบายใจที่จะพูดคุยถึงข้อกังวลของพวกเขา ทำให้การปรับข้อเสนอให้ตรงกับความต้องการเป็นเรื่องง่ายขึ้น


ทำไมการให้โอกาสตอบคำว่า "ไม่" ถึงมีประโยชน์ในการเจรจา

  1. สร้างความรู้สึกมีอำนาจและอิสระ

เมื่ออีกฝ่ายสามารถตอบด้วยบริบท "ไม่" ได้ พวกเขาจะรู้สึกควบคุมสถานการณ์ได้ดีขึ้น ลดความรู้สึกถูกบังคับ และเปิดใจรับฟังข้อเสนอมากขึ้น

  1. ลดแรงต้านจากอีกฝ่าย

หากผู้เจรจารู้สึกว่ากำลังถูกกดดันให้ตอบ "ใช่" พวกเขาอาจมีแนวโน้มที่จะปฏิเสธข้อเสนอโดยอัตโนมัติ ในทางกลับกัน คำถามที่นำไปสู่คำตอบ "ไม่" ทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยและลดแรงต่อต้าน

  1. กระตุ้นการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์

เมื่ออีกฝ่ายมีโอกาสแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา จะช่วยให้กระบวนการเจรจาเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ นำไปสู่ข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย


ตัวอย่างคำถามที่มุ่งให้ตอบ "ไม่" ในการเจรจา


  1. สร้างความไว้วางใจ

    "คุณคิดว่าการลองวิธีอื่นเป็นเรื่องผิดหรือไม่?"

    "เราจะลองพิจารณาแนวทางใหม่ ๆ ไม่ได้เลยหรือ?"

  2. ระบุอุปสรรคที่แท้จริง

    "ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมในการพิจารณาข้อเสนอนี้ใช่ไหม?"

    "มีเงื่อนไขอะไรที่ทำให้ข้อเสนอนี้ไม่สามารถรับได้ใช่หรือไม่?"

  3. กระตุ้นการพูดคุยอย่างเปิดเผย

    "คุณไม่เห็นด้วยกับแนวทางที่เรานำเสนอใช่ไหม?"

    "สิ่งที่เราพูดถึงไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการจริงๆ ใช่หรือไม่?"


ข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ของการใช้คำว่า "ไม่"

  • ลดความกดดันและแรงต้านจากอีกฝ่าย

  • ส่งเสริมบรรยากาศการเจรจาที่เปิดกว้าง

  • สร้างข้อตกลงที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน


เทคนิคการเจรจาแบบ FBI ของ Chris Voss ไม่เพียงแต่มีประสิทธิภาพในการปิดการขายเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่เจรจาอีกด้วย การใช้คำถามที่มุ่งไปสู่คำว่า "ไม่" เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับผู้นำในการสร้างความสำเร็จทางธุรกิจ


การใช้คำถามที่กระตุ้นให้ตอบ "ไม่" เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้การเจรจามีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยลดความขัดแย้ง เพิ่มความไว้วางใจ และช่วยให้ทั้งสองฝ่ายสามารถหาข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ร่วมกันได้ การนำเทคนิคนี้ไปใช้สามารถเปลี่ยนแปลงแนวทางการเจรจาและนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในโลกธุรกิจที่ซับซ้อนในปัจจุบัน


#เทคนิคการเจรจาต่อรองFBI #ChrisVos #การเจรจาต่อรองธุรกิจ #ทักษะผู้นำ #การปิดการขาย #พลังของคำว่าไม่ #การพัฒนาภาวะผู้นำ #ทักษะการเจรจาต่อรอง


 
 
 

1 Comment

Rated 0 out of 5 stars.
No ratings yet

Add a rating
Guest
14 นาทีที่แล้ว
Rated 5 out of 5 stars.

เป็นเนื้อหาที่ดีมากค่ะ

Like

สมัครรับข่าวสารใหม่ ๆ 

และทรัพยากร MindDoJo

bottom of page