
เดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็ต้องการที่พึ่งทางจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องเงิน เรื่องสุขภาพ หรือแม้กระทั่งเรื่องความรัก เวลาเราไปขอพรเราก็มักจะขอพรให้เป็นไปตามที่หวัง แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราขอยืมแนวคิดของการสร้างกลยุทธ์ให้ธุรกิจมาขอพรแบบ RUMBA เพื่อเพิ่มโอกาสให้เรามีแนวโน้มที่จะสมหวังเพิ่มขึ้น
หลักการแรกที่หนังสือ The 4 Disciplines of Execution หรือ (4DX) ของ Chris Mc Chesney, Jean Covey และ Jim Huling ได้บอกไว้ คือ จะต้องมี WIG หรือ Wildly Important Goal ที่เราควรจะมุ่งแค่เป้าหมายสำคัญเพียง 1-2 เป้าหมายเท่านั้น เพื่อที่จะได้มุ่งทำให้สำเร็จ เช่นเดียวกับการขอพร ควรขอพรเพียงข้อสำคัญ ๆ ไม่เกิน 1-2 ข้อ เพื่อที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์และตัวเราเองจะได้โฟกัสกันถูกจุด สมหวังกันถ้วนหน้า
แล้วถ้าจะขอพรให้ดีควรจะต้องขอว่าอย่างไรบ้างล่ะ? เพื่อให้ง่ายสำหรับทุกคน ผมจึงขอนำเสนอ R.U.M.B.A Goal เลยครับ หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับ S.M.A.R.T Goal วันนี้ผมจึงอยากไห้ทุกคนได้ลองใช้ R.U.M.B.A Goal ที่จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการตั้งเป้าหมายในองค์กร และสามารถเอาไปใช้ขอพรได้อีกด้วย

หลักการขอพรข้อแรกควรจะต้องมี R = Realistic สายมูทั้งหมดจะต้องเลือกประเด็นที่เกิดขึ้นได้ในโลกความเป็น เพื่อที่เราจะได้เลือกโฟกัสในสิ่งที่เป็นไปได้จริง มากกว่าสิ่งที่ไม่มีวันทำได้สำเร็จ เช่น ขอพรเรื่องความรัก ขอพรเรื่องการงาน ขอพรเรื่องการเงิน (พรที่ทุกคนสามารถทำให้สำเร็จได้) เป็นต้น

หลักการที่ต้องคำนึงต่อมา คือ U = Understandable โดยเป้าหมายหรือพรที่ตั้งไว้จะต้องชัดเจน กระชับ เจาะจงได้ และง่ายต่อการเข้าใจ ลองคิดง่าย ๆ ว่าขนาดเรายังสับสนกับเป้าหมายของเรา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็อาจจะสับสนเหมือนกันก็ได้ เลยเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ไม่สมหวัง เช่น ขอพรเรื่องการงานเกี่ยวกับให้ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง หรือ ขอพรเรื่องสุขภาพให้ไม่มีอาการเจ็บป่วยใด ๆ เป็นต้น

หลักการต่อมาคือ M = Measureble เป้าหมายหรือพรที่ขอจะต้องวัดได้ว่าสิ่งที่จะให้สำเร็จคือมากน้อยเท่าใด ต้องรู้ได้ว่านี่แหละคือสิ่งที่ฉันตั้งใจจะทำให้สำเร็จ (ควรจะต้องระบุออกมาให้ชัดเจนเท่าที่จะทำได้) เช่น ฉันจะต้องได้มีเงิน 1 ล้านบาท หรือ ฉันจะต้องได้ offer งานใหม่อย่างน้อย 1 ที่ เป็นต้น

และ B = Behavioural เป้าหมายหรือพรที่ดีควรจะต้องโฟกัสที่การกระทำหรือพฤติกรรมที่คนขอพรสามารถปฏิบัติต่อได้ เพราะพรจะสำเร็จได้ก็ต้องมีพฤติกรรมที่ชัดเจนเพียงพอ มากกว่าที่ขอพรไปแล้วยังมีรู้เลยว่าจะทำยังไงให้สำเร็จได้ เช่น ขอพรให้ลดอาการไขมันพอกตับด้วยการเลือกรับประทานอาหารและลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น

หลักการสุดท้ายคือ A = Achievable ก็คือเป้าหมายหรือพรที่เรากำลังต้ังไว้จะต้องเป็นสิ่งที่มีแนวทางที่จะสามารถทำได้จริง ทำให้เกิดขึ้นได้ ไม่ไช่การฝันลอย ๆ โดยที่เรายังไม่รู้เลยว่าเราจะทำให้สำเร็จได้อย่างไร และพรที่ขอควรจะต้องนำเป้าหมายมาแบ่งย่อย ๆ เพื่อให้สามารถทำให้สำเร็จได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เช่น ขอพรให้ได้เงิน 1 ล้านบาทจากยอดขายผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือขอพรให้ได้ offer งานใหม่ อย่างน้อย 1 ที่ที่ฉันได้เคยสมัครไปไว้ใน Linkedin เป็นต้น
จากทั้ง 5 หลักการ ได้แก่ เป็นจริงได้ (Realistic) เข้าใจได้ (Understandable) วัดผลได้ (Measurable) ปฏิบัติได้ (Behavioural) และ ทำให้สำเร็จได้ (Achievable) ก็จะสามารถทำให้พรที่ขอสมหวังได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เพราะผู้ขอรู้แล้วว่าถ้าอยากทำให้พรนั้นสำเร็จจะต้องทำอย่างไรบ้าง เช่น ขอพรเรื่องการงานให้บริษัทมียอดขายอาหารสัตว์ 50 ล้านบาทเพราะมีการโปรโมทผ่านสื่อสาธารณะ และมีการเข้าถึงกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นต้น จากตัวอย่างพรนี้เองผู้ขอก็แค่ลงมือทำลงไป แล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็จะช่วยคุณจนสำเร็จได้ย่างแน่นอน
นอกจากจะใช้ R.U.M.B.A Goal แล้วยังสามารถใช้ S.M.A.R.T Goal ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคน อีกทั้ง R.U.M.B.A Goal ยังสามารถนำมาใช้ในการวางกลยุทธ์และเป้าหมายขององค์กร ซึ่งจะช่วยให้สามารถสื่อสารให้ทุกคนในองค์กรเข้าใจเป้าหมายตรงกัน และช่วยเหลือกันทำให้เป้าหมายนี้สำเร็จให้จงได้ โดยไม่ต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตลอดเวลา
Comments