
เข้าใจการ Coaching ผ่าน TAPS MODEL เมื่อ Coaching ไม่ใช่การพัฒนานักกีฬาในทีมอีกต่อไป องค์กรใหญ่ในปัจจุบันเริ่มนำกระบวนการ Coaching มาใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่! คุณรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่คือการ Coaching จริง ๆ TAPS MODEL ของ Dr.David Rock จาก NeuroLeadership Institute จะทำให้คุณเห็นภาพของการ Coaching เพื่อใช้เป็นเครื่องมือช่วยพัฒนาคนได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
โดย TAPS MODEL เกิดจากการย่อของตัวอักษรทั้งหมด 4 ตัว นั่นก็คือ
T คือ Tell หมายถึง บอก
A คือ Ask หมายถึง ถาม
P คือ Problem หมายถึง ปัญหา
S คือ Solution หมายถึง ทางออก
(4 คำนี้ปรากฏบนภาพข้างต้นที่เป็นลูกศรเส้นตรง)

และเมื่อเส้นตรงทั้ง 2 เส้นตัดกัน ทำให้เห็นถึงความแตกต่างของแต่ละส่วนได้ชัดเจน และสิ่งนี้คือแนวทางในการทำความเข้าใจกระบวนการให้คำปรึกษา ให้ข้อเสนอแนะ การเป็นพี่เลี้ยง และการโค้ชชิ่งที่ไม่เหมือนกันนั่นเอง มาดูกันดีกว่าว่าในแต่ละส่วนใช้อย่างไร และมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

T (Tell) + P (Problem) = Consulting (การเป็นที่ปรึกษา) หากคุณบอกถึงประเด็นที่เป็นปัญหา ชวนพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น แสดงว่าคุณกำลังทำใช้การ Consulting (การเป็นที่ปรึกษา) ในองค์กรเพราะสิ่งนี้คือการมุ่งเน้นที่ปัญหาอย่างตรงไปตรงมา เพื่อนำไปสู่กระบวนการต่อไป

T (Tell) + S (Solution) = Mentoring (การเป็นพี่เลี้ยง) หากบอก Solution หรือแนวทางแก้ไขปัญหา เพื่อที่จะให้คนในองค์กรนำแนวทางดังกล่าวไปใช้แก้ไขปัญหาเลย แสดงว่าคุณกำลังทำ Mentoring (การเป็นพี่เลี้ยง) หลาย ๆ องค์กรมักเข้าใจว่าการ Mentoring คือการ Coaching ซึ่งแท้จริงแล้วไม่ใช่อันเดียวกัน

A (Ask) + P (Problem) = Counseling (การให้คำปรึกษา) หากคุณให้ความสำคัญกับการตั้งคำถาม โดยใช้คำถามเพื่อปลดปล่อย หรือปลดล็อกข้อจำกัดที่เป็นปัญหา จนสามารถเข้าใจถึงปัญหา แสดงว่าคุณกำลังทำกระบวนการ Counseling (การให้คำปรึกษา) อยู่

Nice!
Good!