
ในโลกธุรกิจที่แข่งขันกันอย่างเข้มข้นในปัจจุบัน องค์กรต่าง ๆ กำลังมองหาวิธีเพิ่ม Productivity หรือผลิตภาพของทีม แม้ว่ามาตรวัดทั่วไปจะมุ่งเน้นที่การบริหารเวลาและการปรับปรุงงาน แต่งานวิจัยล่าสุดเผยให้เห็นปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบยิ่งกว่า คือ ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence : EI หรือ Emotional Quotient : EQ) ในที่ทำงาน
งานวิจัยจาก American Psychological Association แสดงให้เห็นว่าองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความฉลาดทางอารมณ์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ 20-30% เมื่อเทียบกับบริษัทที่ใช้เพียงการบริหารเวลาเพียงอย่างเดียว ทำไมการบริหารเวลาแบบดั้งเดิมถึงยังไม่เพียงพอ แม้องค์กรจะลงทุนในเครื่องมือการจัดการโครงการที่ล้ำสมัยและซอฟต์แวร์ติดตามเวลา แต่หลายองค์กรยังคงเผชิญกับหลายปัจจัยที่ยังคงอยู่
ประสิทธิภาพของทีมที่ลดลงเนื่องจากภาวะหมดไฟ
อัตราการลาออกสูงอันเนื่องมาจากความเครียดในที่ทำงาน
พลาดกำหนดส่งงานแม้จะมีระบบวางแผนที่ดีแล้ว
นวัตกรรมที่ลดลงเนื่องจากความเหนื่อยล้าจิตใจ
พนักงานที่มีทักษะการจัดการอารมณ์ที่ดีช่วยลดอุปสรรคในการทำงานได้ ดังนี้
ลดข้อผิดพลาดในการตัดสินใจลง 58%
มีอัตราการคงอยู่ในองค์กรสูงขึ้น 40%
การทำงานร่วมกันในทีมดีขึ้น 70%
รายงานระดับความเครียดลดลง 32%
ดังคำกล่าวของ แคทลีน ฮอลล์ ผู้ก่อตั้งสถาบันบำบัดความเครียด ในแอตแลนตา
"ความเครียด คือ ปฏิกิริยาทางร่างกาย จิตใจ หรืออารมณ์ ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง (Stress is a physical, mental, or emotional response to change)” ดังนั้น อารมณ์เป็นสิ่งที่เราควบคุมได้จากความเครียดหรือภาวะหมดไฟในที่ทำงาน"
5 กลยุทธ์ในการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ในที่ทำงาน
1. สร้างเครือข่ายสนับสนุน
การมีเครือข่ายสนับสนุนที่ดีในที่ทำงานสามารถช่วยพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ได้อย่างมาก เครือข่ายนี้ไม่เพียงช่วยเรื่องการทำงานเท่านั้น แต่ยังให้กำลังใจในช่วงเวลาที่ยากลำบากและแบ่งปันความสำเร็จร่วมกันอีกด้วย วิธีเริ่มต้นมีดังนี้
เชื่อมต่อกับเพื่อนร่วมงานที่มีความสนใจเหมือนกัน: เข้าร่วมกลุ่มหรือชุมชนในองค์กรที่สนับสนุนเป้าหมายหรือความชอบเดียวกัน
เข้าร่วมการอบรมพัฒนาวิชาชีพ: เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ และพบปะเพื่อนร่วมงานที่มีความสนใจคล้ายคลึงกัน
หาที่ปรึกษา: ขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่สามารถช่วยชี้แนะในจุดที่คุณยังต้องปรับปรุง
การสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็งช่วยให้คุณรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของที่ทำงาน และสร้างบรรยากาศที่เป็นมิตร
2. ส่งเสริมวัฒนธรรมความร่วมมือ
สถานที่ทำงานที่มีการทำงานร่วมกันอย่างดีช่วยลดความเครียด และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เมื่อพนักงานรู้สึกว่าตนเองได้รับการยอมรับและมีส่วนร่วม ความพึงพอใจและขวัญกำลังก็จะเพิ่มขึ้น วิธีส่งเสริมวัฒนธรรมความร่วมมือ ได้แก่
จัดกิจกรรมสร้างทีม หรือ กิจกรรมสังคมนอกเวลางาน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างพนักงาน
สนับสนุนให้พนักงานเข้าร่วม กิจกรรมช่วยเหลือสังคม ที่บริษัทจัดขึ้น
รับฟังความคิดเห็นของพนักงานและเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงความเห็น
ความร่วมมือไม่เพียงเพิ่มความพึงพอใจในงาน แต่ยังช่วยให้องค์กรประสบความสำเร็จร่วมกัน
3. รู้จักสังเกตและรับมือกับความตึงเครียด
ความตึงเครียดในที่ทำงานอาจส่งผลเสียต่อทั้งความสัมพันธ์และประสิทธิภาพการทำงาน การเรียนรู้ที่จะสังเกตและจัดการกับความเครียดจะช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีขึ้น
สังเกตภาษากายหรือโทนเสียงเพื่อระบุสัญญาณของความเครียด
เบี่ยงเบนสถานการณ์ที่ตึงเครียดด้วยการใช้วิธีที่สร้างสรรค์ เช่น การพูดคุยเรื่องเบา ๆ หรือการเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
แสดงความเห็นอกเห็นใจและใช้โทนเสียงที่นุ่มนวลเพื่อช่วยลดความตึงเครียด
การจัดการกับความเครียดอย่างมืออาชีพช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ในที่ทำงาน
4. สอนทักษะความฉลาดทางอารมณ์
EQ เป็นทักษะที่สามารถพัฒนาได้ การสร้างโครงการหรือกิจกรรมที่ช่วยเพิ่มการรับรู้อารมณ์ ความเห็นอกเห็นใจ และการควบคุมตนเองสามารถช่วยให้พนักงานในองค์กรมี EQ สูงขึ้น
กำหนดนโยบายการสื่อสารในเชิงบวก เช่น หลีกเลี่ยงการพูดจาที่อาจทำให้ผู้อื่นรู้สึกไม่ดี
จัดโปรแกรมการจัดการความเครียด เช่น การทำสมาธิ การออกกำลังกาย หรือจัดสัมนาเกี่ยวกับสุขภาพจิต
การสร้างความเห็นอกเห็นใจ โดยเปิดโอกาสให้พนักงานแบ่งปันประสบการณ์และสะท้อนถึงอคติที่พบในที่ทำงาน
กิจกรรมเหล่านี้ช่วยปลูกฝังวัฒนธรรมการพัฒนาตนเองและความเข้าใจในองค์กร
5. ให้เวลากับการสะท้อนอารมณ์ตนเองและทบทวน
ทักษะอย่างการรู้จักตัวเองและการจัดการตนเองเป็นส่วนสำคัญของ EQ การสะท้อนถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาและการฝึกทักษะเหล่านี้จะช่วยปรับปรุงความสัมพันธ์และประสิทธิภาพในการทำงาน
เขียนบันทึกประจำวันเกี่ยวกับประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในที่ทำงานทั้งสิ่งที่ทำให้รู้สึกดีหรือไม่ดี
สร้างบันทึกอารมณ์ที่แสดงอารมณ์ของคุณในแต่ละวัน เพื่อช่วยระบายและทำความเข้าใจความรู้สึก
จัดช่วงเวลาทบทวนร่วมกับทีม เพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหาและความสำเร็จของวันนั้น ช่วยเพิ่มความตระหนักรู้ในตนเอง และส่งเสริม EQ ที่แข็งแกร่งขึ้น
ความฉลาดทางอารมณ์เป็นทักษะสำคัญที่ทุกคนสามารถพัฒนาได้ การสร้างแรงสนับสนุน ส่งเสริมความร่วมมือ จัดการกับความเครียด การอบรมพัฒนา EQ และการสะท้อนตัวเอง ล้วนเป็นก้าวสำคัญสู่การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีขึ้น ไม่แปลกที่ความฉลาดทางอารมณ์กลายเป็นคุณสมบัติสำคัญที่นายจ้างต้องการจากพนักงานในการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างราบรื่น
พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงผลิตภาพขององค์กรคุณด้วยความฉลาดทางอารมณ์? ปรึกษาเราเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์ความฉลาดทางอารมณ์ หลักสูตร https://www.minddojo.co.th/family-course/emotional-intelligence-for-stress-management
Comments